รวมข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย “B.1.617” ซึ่งมีการกลายพันธุ์ 2 รูปแบบ หรือ “Double Mutant”
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ที่ผ่านมา นิวมีเดีย พีพีทีวี เคยรายงานข่าวการค้นพบไวรัสโควิด-19 ในอินเดียที่มีลักษณะของการ “กลายพันธุ์คู่ (Double Mutant)” จากตัวอย่างที่เก็บในอินเดีย หรือก็คือการที่เชื้อไวรัสเกิดการกลายพันธุ์ 2 รูปแบบในเชื้อตัวเดียว
ต่อมาปรากฏว่า โควิด-19 สายพันธุ์ดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า “B.1.617” และกลายเป็นสายพันธุ์ที่อินเดียและสหราชอาณาจักรให้ความสนใจ
โดยล่าสุด อินเดียได้รับการจัดให้อยู่ในบัญชีกลุ่มประเทศสีแดงที่ห้ามเดินทางเข้าสหราชอาณาจักร หลังตรวจพบผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียจำนวน 103 คน
โควิด-19 สายพันธุ์ดังกล่าวเป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์ในอินเดียมาระยะหนึ่ง เนื่องจากแพร่ระบาดอย่างหนักในรัฐมหาราษฏระ ทางตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่ระหว่างเดือน ธ.ค. 2020 จนถึงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานว่า โควิด-19 สายพันธุ์ B.1.617 เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดระลอกสองของอินเดีย มีการกลายพันธุ์ที่ผิดปกติ 2 รูปแบบ ได้แก่ E484Q และ L425R
ต่อมาระบบการเฝ้าระวังจีโนมในสหราชอาณาจักรพบโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียในกลุ่มตัวอย่างย้อนหลังไปถึงเดือน ก.พ. จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สาธารณสุขอังกฤษ (PHE) กล่าวว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์นี้แล้ว 73 รายในอังกฤษและอีก 4 รายในสกอตแลนด์
แต่เมื่อวันจันทร์ (19 เม.ย.) ที่ผ่านมา แมตต์ แฮนค็อก เลขาธิการกระทรวงสาธารณสุข ได้แก้ไขว่า ตัวเลขดังกล่าวจริง ๆ แล้วสูงถึง 103 ราย ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับการเดินทางจากอินเดีย และหลายกรณีเกิดขึ้นจากการแพร่เชื้อในครัวเรือน
สำหรับระดับความอันตรายของไวรัสโควิด-19 B.1.617 ยังยากที่จะชี้ชัดได้ โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว PHE ประกาศว่า โควิด-19 สายพันธุ์นี้เป็น “สายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ” ซึ่งเป็นป้ายกำกับที่กำหนดให้กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่น่าเป็นห่วงแต่ยังมีความเข้าใจไม่เพียงพอ
ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการเพื่อยืนยันว่า สายพันธุ์ B.1.617 มีอันตรายมากกว่าสายพันธุ์อื่นหรือไม่ เช่น การแพร่กระจายเร็วขึ้นทำให้เกิดโรคที่รุนแรงขึ้นหรือไม่ หรือสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือจากการฉีดวัคซีนได้หรือไม่
หากการศึกษาในห้องปฏิบัติการ การวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา และงานวิจัยอื่น ๆ ยืนยันว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้มีปัญหามาก ก็จะได้รับการอัปเกรดเป็น “สายพันธุ์ที่ต้องกังวล”
รูปแบบการกลายพันธุ์ที่สำคัญ 2 ประการในสายพันธุ์อินเดียมีคุณลักษณะบางอย่างที่น่ากังวล
การกลายพันธุ์รูปแบบ L452R พบมากบริเวณพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เบื้องต้นสามารถแพร่เชื่อได้ง่ายขึ้นราวร้อยละ 20 และมีผลเล็กน้อยในการต้านทานวัคซีนโควิด-19 อาจช่วยให้ไวรัสหลบเลี่ยงแอนติบอดีบางชนิดจากการฉีดวัคซีนได้
ในขณะที่รูปแบบ E484Q มีความคล้ายคลึงกับการกลายพันธุ์แบบ E484K ในสายพันธุ์แอฟริกาใต้ พบมากที่บราซิลและแอฟริกาใต้ มีผลหักล้างการทำให้ไวรัสเป็นกลาง ซึ่งช่วยให้ไวรัสมีความต้านทานต่อวัคซีนอย่างน้อยบางส่วน แต่เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่า โควิด-19 สายพันธุ์อินเดียนั้นไม่น่าจะทำให้วัคซีนโควิด-19 ไร้ประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์
ยังไม่ชัดเจนว่า สายพันธุ์ใหม่นี้ทำให้เกิดการระบาดหนักในอินเดียโดยภาพรวมหรือไม่ เพราะการระบาดส่วนใหญ่ยังอยู่แต่ในรัฐมหาราษฏระ แต่นักวิทยาศาสตร์ในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่มองว่า การจัดอินเดียอยู่ในบัญชีกลุ่มสีแดงเป็นเรื่องที่สมควร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการนำเข้าเชื้อโควิด-19 B.1.617 เข้ามาเพิ่มเติม
“การกลายพันธุ์ 2 รูปแบบดังกล่าวอาจช่วยให้ไวรัสรอดพ้นจากระบบภูมิคุ้มกันของเรา และเพิ่มอัตราการติดเชื้อได้” กระทรวงสาธารณสุขอินเดียกล่าวในแถลงการณ์เมื่อเดือน มี.ค. แต่เน้นย้ำว่า เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ 2 รูปแบบนี้ไม่ใช่สาเหตุของอัตราการติดเชื้อรายวันในประเทศที่พุ่งขึ้นสูงจนทุบสถิติ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ (16 เม.ย.) ว่า สายพันธุ์ B.1.617 นี้อาจทำให้เกิด “อัตราการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้น”
แดนนี อัลต์แมนน์ ศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยาจากราชวิทยาลัยลอนดอน กล่าวว่า จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้เห็นเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย มีแนวโน้มว่ามันจะได้รับการอัปเกรดเป็น “สายพันธุ์ที่ต้องกังวล” ในไม่ช้านี้
แต่ เจฟฟรีย์ บาร์เร็ตต์ จากสถาบันแซงเจอร์กล่าวว่า สายพันธุ์อินเดียอาจไม่เป็นปัญหาเท่ากับสายพันธุ์แอฟริกาใต้และบราซิล โดยชี้ว่า สายพันธุ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลาหลายเดือนในอินเดีย ไม่ได้แพร่ระยาดออกไปอย่างรวดเร็วเท่าสายพันธุ์อื่น และอาจไม่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายเหมือนกับสายพันธุ์เคนต์หรือสายพันธุ์อังกฤษ ที่กำลังระบาดหนักในสหราชอาณาจักรและหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 8 เม.ย. สำนักข่าว The Hindu รายงานว่า มีอย่างน้อย 8 ประเทศทั่วโลกที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย ขณะที่เว็บไซต์ PANGO Lineage ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.617 ใน 21 ประเทศแล้ว ซึ่งไม่มีไทยรวมอยู่ด้วย